KYC คืออะไร ?
ทำความรู้จัก KYC เพื่อกดรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท
KYC ย่อมาจากคำว่า Know Your Customer เป็นขั้นตอนของกระบวนการเพื่อพิสูจน์ตัวตนในการทำความรู้จักลูกค้า โดยที่จะต้องสามารถระบุตัวตนได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงพิสูจน์การมีอยู่ได้ถูกต้อง (Identification and Verification) เพื่อเป็นการยืนยันตัวตนของลูกค้า และเพื่อเป็นการป้องกันการทุจริต หรือการปลอมแปลงข้อมูลในการทำธุรกรรมทางการเงิน รวมถึงเป็นการป้องกันการฟอกเงิน เพราะฉะนั้นจึงเป็นรูปแบบในการสร้างความปลอดภัยให้กับเจ้าของธุรกิจ หรือเจ้าของข้อมูล สามารถช่วยป้องกันการแอบอ้างตัวตน
เหตุใดถึงต้องใช้ KYC เพื่อยืนยันตัวตน
ปกติแล้วการยืนยันข้อมูล หรือตัวตนผ่าน KYC มีให้เห็นกันมาตั้งนานแล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจดิจิทัลต่างๆ โดยการทำ KYC เป็นการช่วยป้องกันการทุจริต หรือปลอมแปลงข้อมูลในการทำธุรกรรมทางการเงิน รวมไปถึงเป็นการป้องกันการมีบุคคลที่สาม หรือผู้ที่ไม่หวังดีแอบอ้างตัวตน ซึ่งถ้าหากใช้ KYC เป็นการยืนยันตัวตนด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง ก็จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการกระทำที่ผิดกฎหมายต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการคอรัปชัน หรือการฟอกเงิน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในบริการให้กับลูกค้าและผู้ให้บริการมากขึ้น
การทำ KYC สามารถทำได้ 2 ช่องทาง
- Face to Face : การไปแสดงตนที่ธนาคาร เพื่อให้ธนาคารตรวจสอบบัตรประชาชนกับหน้าลูกค้าเจ้าของบัตรประชาชน
- Online/ Mobile : ทำผ่านช่องทางออนไลน์ที่เรียกว่า E-KYC
ในกรณีที่ไม่ทำการยืนยันตัวตนผ่าน KYC ลูกค้าจะไม่สามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้ เนื่องจากเป็นขั้นตอนที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพื่อเป็นการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของ และเป็นมาตรฐานป้องกันการทุจริตทางด้านกฎหมายโดยตรง เพราะฉะนั้นการยืนยันตัวตนที่เรียกว่า KYC (Know Your Customer) ก็เพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังป้องกันความเสี่ยงจากการปลอมแปลงเอกสารให้แก่ลูกค้าที่ดำเนินธุรกรรมต่างๆ อีกด้วย
